พระวิษณุ (Vishnu) หรือพระนารายณ์ เทพผู้ดูแลรักษา

พระวิษณุ (Vishnu) หรือเรียกอีกอย่างว่า พระนารายณ์ เป็น1 ใน 3 พระอิศวร มีบทบาทคุ้มครองปกป้องมองดูแลรักษาอีกทั้ง 3 โลกตามความศรัทธาของแขกฮินดู จากหนังสือพราหมณ์ รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่แปรไปตามสมัย ฉลองพระองค์ดุจกษัตริย์ มีมงกุฎทองคำ เครื่องแต่งตัวสีเหลือง มี 4 แขน ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แม้กระนั้นที่จะพบเจอได้บ่อยมากที่สุดเป็นถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกมือจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง(โดยจะอยู่ในลักษณะ”ประทานพร”)

jumbo jili
โดยทั่วไป พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่ทะเลน้ำนม โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนข้างหลัง อนันตนาคราช โดยมีพระมเหสีเป็น พระลักษมีมหาเทวี รอฝ้าดูแลปรนิบัตำหนิอยู่ด้านข้างเสมอ ยานพาหนะของพระวิษณุเป็น พญาครุฑ

สล็อต
พระวิษณุ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “หริ” มีความหมายว่าผู้ดูแลที่จักรวาลนับว่าเป็นเทวดาสูงสุด เพราะว่าทุกๆอย่างมีต้นเหตุมาจาก “หริ” โดย”หริ”ได้แบ่งตัวเองออกเป็น 3 เป็น
พรหม มีบทบาทสร้างและก็ลิขิตทุกสิ่งทั้งมวลในอีกทั้งสามโลก
พระวิษณุ หรือ พระหริ มีบทบาทดูแลอีกทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย รวมทั้งสมดุล
พระศิวะ มีบทบาททำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายแหล่ทั้งมวลในโลกอีกทั้งสาม
การกำเนิดของพระวิษณุ ในคู่มือไวษณพนิกาย (เชื่อถือพระวิษณุยิ่งใหญ่)พูดว่าเมื่อยามที่พระวิษณุผู้เป็นใหญ่ที่จักรวาลมีมุ่งหมายจะสร้างโลกอีกทั้ง 3 นั้น ท่านได้มีความเห็นว่าการผลิตโลกทั้งยัง 3 นี้ เป็นงานที่หนักสำหรับคนเพียงผู้เดียว ท่านก็เลยแบ่งนิดหน่อยของร่างกายท่านออกเป็นพระอิศวรอีกทั้ง 3 ท่าน โดยแขนซ้ายเป็นพรหม แขนด้านขวาเป็นพระศิวะ รวมทั้งส่วนอกเป็น พระวิษณุ (แม้กระทั้งในรูปตรีพรหม ก็จะมีความคิดเห็นว่า ใบหน้าของพระวิษณุจะอยู่กึ่งกลางเสมอ)
ส่วนในหนังสือของไศวนิกาย(เชื่อถือพระศิวะยิ่งใหญ่)จะกล่าวต่างออกไปเป็น “พระปรเมศวร” (พระศิวะ) เป็นผู้ผลิตพระวิษณุ เนื่องจากว่าทรงมีพระมุ่งมาดปรารถนาจะสร้างสรวงสวรรค์แล้วก็โลก ซึ่งถือได้ว่างานใหญ่ ก็เลยได้ทรงปรารถนาผู้ช่วย โดยการนำมือซ้ายมาลูบคลำมือขวา ก็เลยเกิดขึ้นเป็นเทวดาชื่อ “พระวิษณุ” หรือ “พระนารายณ์” พระปรเมศวร ได้สอนศิลป์ด้านต่างๆให้กับพระวิษณุ ในทุกด้าน และก็ให้ประทับอยู่ในทะเลน้ำนม เมื่อเกิดเหตุร้ายในโลกมนุษย์ หรือสรวงสวรรค์เมื่อใด พระวิษณุก็จะมีบทบาทไปปราบเหล่าอสุรี รวมทั้งผู้ปองร้ายนั้นๆโดยในบางคราวก็จะได้รับการร้องขอจากเหล่าเทพทวยเทพบ้าง

สล็อตออนไลน์
คู่มือมหาภารตะ เล่าไว้ถึงพระนารายณ์ว่าแต่ว่าเดิมเป็นฤษีตนหนึ่ง เป็นลูกของฤษีธรรมมะ ได้เดินทางจากโลกมนุษย์ ไปสู่สถานที่ของพวกพราหมณ์พร้อมคู่หูนามว่า “นร” เพื่อบำเพ็ญพยายามจนได้รับการเคารพบูชาจากเทวดาทั้งปวง ถัดมาได้รับการขอให้ช่วยเหลือจากเหล่าเทวดาให้ช่วยปราบยักษ์ที่สร้างความทุกข์ร้อน ฤษีทั้งคู่ก็เลยได้รับปากช่วยเหลือโดยได้ออกศึกกับยักษ์จนได้รับชัย ก็เลยได้รับความเคารพจากเหล่าเทวดาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน จนถึงวันหลังฤษีที่นารายณ์ได้เริ่มเดินทางไปบำเพ็ญตนยังหิมาลัยจนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์เป็นพราหมณ์ (ผู้ตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก) และก็ได้เป็นหัวหน้าเหล่าพราหมณ์ในเวลาถัดมา จากการเชิดชูเทิดทูนบูชาตลอดก่อนหน้าที่ผ่านมาจนกระทั่งมีชื่อเสียงในชื่อ “พระวิษณุ(ท้องนารายณ์)”

jumboslot
นามของพระวิษณุ พระนารายณ์ มีผู้ตั้งชื่อเรียกชื่อจากความไม่เหมือนกันตามความศรัทธา นามตามฤทธิ์อำนาจ และก็ตามรูปการณ์ที่แตกต่างตามกาล เป็นต้นว่า อนันตะ ไม่สิ้นสุด จตุรภุช มี 4 แขน มุราริ เป็นศัตรูที่มุระ นระ (นะระ) เพศชาย ท้องนารายณ์ คนที่เขยื้อนไปในน้ำ ปัญจายุทธ พระผู้ทรงอาวุธทั้งยัง 5 อย่าง ปีตามพร ทรงเครื่องสีเหลือง ทโมทร มีเชือกพันเอาไว้รอบเอว กฤษณะ, วัววินทะ, โคบาล ผู้เลี้ยงโค ชลศายิน ผู้นอนเหนือน้ำ พระพิษณุหริ ผู้รักษา อนันตไศยน นอนบนอนัตนาคราวช พระลักษมีบดี ผู้เป็นผัวของพระลักษมี วิษว์บวร ผู้คุ้มกันโลก งามภูเขา กำเนิดเอง เกศาวะ มีผมอันสวย กิรีติน ผู้ใส่มงกุฎ พระวิษณุ พระนารายณ์ ทรงประทับบนสรวงสวรรค์ เรียก ไวฉันณฐ์ ยานพาหนะ เป็นครุฑ พระวรกายสีนิล สังสรรค์เช่นกษัตริย์ มีมงกุฎ เครื่องประดับสีเหลือง มี 4 แขน ถือ สังข์ จักร ตรี คทา บ้างก็กล่าวไว้ว่าทรงถือ ดอกบัว ลูกศร ดอกไม้ หรือเชือกบ่วงบาศ หรือสายฟ้า อาวุธประจำที่ใช้เป็นสังข์ จักร คทา ธนู และก็พระขรรค์
จุดสำคัญด้านศาสนา-ลัทธิ
เมื่อลัทธิไวษณพนิกาย ซึ่งเชื่อถือว่าพระวิษณุทรงยิ่งใหญ่เหนือพระอิศวรทั้งหลายแหล่ในตรีพรหม มีความรุ่งโรจน์เยอะขึ้นในยุควงศ์สกุลปะทุปตะ ราวๆพุทธศักราชที่ 3-6 รวมทั้งกษัตริย์ประเทศอินเดียในวงศ์สกุลนี้ส่วนใหญ่จะเชื่อถือลัทธินี้ และก็ทรงรับลัทธินี้เอาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ แล้วก็เอาจัดว่าการอวตารขององค์พระวิษณุ เป็นหัวใจที่สำคัญของลัทธิภควตา (Bhagavata) ซึ่งเกิดมาในยุควงศ์สกุลปะทุปตะแล้วก็ก้าวหน้าขึ้นมาเป็นลำดับถึงแม้ว่าวงศ์สกุลระอุปตะจะเสื่อมลงและจากนั้นก็ตามลัทธินี้ก็ยังคงอยู่ แขกฮินดูยังเทิดทูนบูชาปางอวตารของพระวิษณุกันมากมาย กระทั่งในทุกวันนี้ก็ยังมีการเชื่อถืออยู่
การอวตาร (Avatar) หรือในภาษาอังกฤษว่า “Incarnation” แสดงว่า “การลงมา” เป็นการลงมากำเนิดเป็นมนุษย์หรือ “การเข้าในร่างของผู้คน” คือ พระวิษณุเสด็จลงมากำเนิดบนโลกมนุษย์เป็นภาคเป็นตอนต่างๆกันเพื่อปราบยุคเข็ญในโลกให้หมดเกลี้ยงไป นับว่าเป็นปฏิบัติงานอันสำคัญยิ่งของพระวิษณุ เมื่อมียุคเข็ญกำเนิดบนโลกมนุษย์ พระวิษณุก็จะอวตารลงมาช่วยขจัดปัดเป่าเสีย

slot
การอวตารของพระวิษณุ
การอวตารของพระวิษณุนั้นทรงอวตารเป็นทั้งยังมนุษย์แล้วก็สัตว์ รวมทั้งการอวตารของท่านจะเป็นไปตามศิวะโองการ (คำบัญชาของพระศิวะ) และก็การเชิญขอของกลุ่มเทพเจ้า การอวตารของพระวิษณุบ้างก็ว่ามีมากมายกระทั่งนับได้ยาก แม้กระนั้นปางที่มีวัตถุประสงค์เพื่อมาช่วยเทพ และก็มนุษย์โลกนี้มีทั้งหมดทั้งปวง 25 ปาง แต่ว่าปางที่นับว่าเป็นปางที่สำคัญที่สุดมี 10 ปาง
ปางที่ 1 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลา)เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกแล้วก็สัตว์ให้พ้นจากอุทกภัยโลก
ปางที่ 2 ข้ารมาวตาร (อวตารเป็นเต่า)เพื่อช่วยเหล่าเทวะและก็ยักษ์กวนทะเลน้ำนม
ปางที่ 3 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูป่า)มีสองตำนานสำคัญๆเป็น 1)เพื่อปราบอสุรีนาม”หิรัณยากษะ”ซึ่งลักเอาแผ่นพสุธาไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย และก็ 2)เพื่อจบการประลองพลังอำนาจกันระหว่าง พระศิวะ และก็ พรหม
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งราชสีห์)เพื่อปราบอสุรีนาม “หิรัณชูศิปุ” ผู้เป็นน้องชายของ “หิรัณยากษะ”
ปางที่ 5 วามที่นาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)เพื่อปราบอสุรีนาม “พาลี” ผู้เป็นเหลนของ “หิรัณชูศิปุ”
ปางที่ 6 ปรศุรามาวตาร (อวตารเป็นพราหม์ผู้ใช้ขวานเป็นอาวุธ)เพื่อปราบกษัตริย์(ผู้เป็นมนุษย์)นาม “พระผู้เป็นเจ้าอรชุน” หรือ “พระผู้เป็นเจ้าสหัสอรชุน” ผู้มีบริเวณใบหน้า 1พันหน้า ผู้ก่อยุคเข็ญแล้วก็ทำลายศาสนา
ปางที่ 7 รามาวตาร หรือ รามดวงจันทร์วตาร(อวตารเป็นพระราม กษัตริย์ที่อโยธยา)เพื่อปราบอสุรีนาม “ราวณะ” หรือ “ยักษ์” หรือที่คนประเทศไทยรู้จักกันดีในชื่อ “ทศกัณฐ์” กษํตริย์ ที่กรุงลงกา – ปางนี้เป็นหลักสำหรับการจัด จารีต และก็ ขนบประเพณี ขนบธรรมเนียมของสังคมประเทศอินเดีย
ปางที่ 8 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)เพื่อขับขี่รถม้าให้ “พระอรชุน” และก็สอนวิถี รวมทั้งกรรมวิธีการดำรงชีวิต ให้แก่พระอรชุน
ปางที่ 9 พุทธาวตาร (อวตารเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)แขกฮินดูมีความเห็นว่าพระนารายณ์อวตารในปางนี้เพื่อฉ้อโกงให้พวกนอกรีตนอกรอยที่ไม่เชื่อถือวรรณะแยกออกไปจากพราหมณ์ ; ในบางพื้นที่มั่นใจว่าปางที่เก้านี้เป็น พลรามาวตาร (อวตารเป็นพลราม)หรือพระพลรามซึ่งเป็นพี่ชายของพระกฤษณะ เป็นการอวตารคู่กับพระกฤษณะ
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร(อวตารเป็นมนุษย์ผู้ขี่ม้าขาว หรือ กัลกี)เป็นอวตารที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ว่าเป็นการพยากรณ์อนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายที่ความย่อยยับ ที่ที่เมื่อผู้คนไม่รู้ธรรมะ ไม่เคยทราบไม่ถูกถูกใจเลวทรามดีอีกต่อไป โลกทั่วโลกจะต้องพบเจอกับยุคเข็ญไปทุกหนทุกแห่ง จะมีชายขี่ม้าเผยตัวขึ้นเพื่อขจัดความตรากตรำ รวมทั้งนำธรรมะกลับมาสู่มนุษยชาติอีกรอบหนึ่ง
พระนารายณ์ 10 ปาง ในศาสนาพุทธ
บางทีอาจเป็นได้ว่าพุทธศาสนิกชนรังเกียจการที่ฮินดูนำพระศาสดาของพุทธ ไปเป็นอวตารปางหนึ่งของพระอิศวรของเขา ก็เลยมีการสลับปางที่ไม่จำเป็นเข้ามาแทน
ปางที่ 1 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชร)
ปางที่ 2 ฉันรมาวตาร (อวตารเป็นแมลงเต่าทอง)
ปางที่ 3 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลากรายทองคำ)
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งราชสีห์)
ปางที่ 5 วามทุ่งนาวตาร หรือ ทวิชาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)
ปางที่ 6 มหิงสาวตาร (อวตารเป็นมหิงสา หรือควาย)
ปางที่ 7 อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางอัปสร)
ปางที่ 8 รามาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ชื่อพระราม)
ปางที่ 9 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์เรียกว่า วีรบุรุษขี่ม้าขาว)
ความเชื่อถือแล้วก็แบบอย่าง
พระวิษณุ หรือคนประเทศไทยมักเรียกว่า พระนารายณ์ มี 4 แขน แล้วก็มีอาวุธอยู่ทั้งยัง 4 พระมือ มี ตรี คทา จักร สังข์ เป็นเทวดาผู้ผลิตโลก เทวดาผู้ถ่ายทอด สรรพวิชาช่างต่างๆโดยได้รับพรและก็ พลังอันศักดิ์สิทธิ์มากมายก่ายกองจากพระอิศวร ก็เลยมีฤทธิ์ไม่แพ้กัน แล้วก็ยังมีความเห็นว่า ผู้ใดบูชาท่านแล้วจะได้รับความปกป้อง รวมทั้งมีโชคลาภ แต่ว่าควรจะเป็นคนมีสัจจะ ถือศีล แล้วก็เจริญภาวนาเป็นที่ตั้ง
คำบูชาพระวิษณุ (ท้องนารายณ์) โอม…นะโม ทุ่งนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ทุตำหนิยัมปิ…นะโม ท้องนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ตะตำหนิยัมปิ…นะโม ท้องนารายณะ นามะ ภะวันตุๆเม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระนารายณ์ โอม…ศานตาการัม ภุชะค่ะศะยะนัม ปัทมะท้องนาภัมสุ ุเรศัม วิศวาธารัม ค่ะค่ะนะสะทฤศัม เมฆะวรรณัม ศุภางคัม พระลักษมีกานตัม กะมะละนะยะนัม โยคิภีร์ ธยานะคัมมยัม วันเทวิษณุมอภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกาทุ่งนาถัม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระวิษณุ โอม…สะศางขะจักรัม สะกิริฏะ กุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสเหม็นตุภะ ศริยัม นะมาไม่ วิษณุม หัวสา จตุรภุซัม ฯ
บทอธิฐานขอพร พระราม โอม…นีลุกลามพุชะ ศยามะละ โกมะลางคัมสีตา สมา โรปิตะ วามะภาคัม ขว้างเณา มหาสายะกะ จารุ จาปัม นะมาไม่ รามัม ระฆุวัมศะ ท้องนาถัม ฯ

พระลักษมี เทพีแห่งความความงาม ความอุดมสมบูรณ์

พระลักษมี (สันสกฤต: ลกฺษฺมี) หรือ พระมหาพระลักษมี

jumbo jili
เป็นนางงามในศาสนาฮินดู โดยเป็นสาวงามที่ความมั่งมี ชะตากรรม ความรัก ความงดงาม ดอกบัว แล้วก็ความอุดมสมบูรณ์

สล็อต
รูปนับถือของพระแม่พระลักษมีนั้นนอกเหนือจากที่จะเจอในศาสนสถานของศาสนาฮินดูแล้ว ยังเจอในศาสนสถานของศาสนาเชนแล้วก็พุทธ ในบางพื้นที่อีกด้วย

สล็อตออนไลน์
พระลักษมีนั้นมีความเหมือนกันกับนางงามของภาษากรีกองค์หนึ่ง เป็นสาวงาม “อโฟรไดท์ตี้” โดยที่สาวงามทั้งคู่นี้ เกิดจากห้วงสมุทรแบบเดียวกัน และก็เป็นผู้แทนของความงามเช่นเดียวกันอีกด้วย

jumboslot
พระแม่พระลักษมี เป็นมเหสีของ พระวิษณุ เมื่อพระวิษณุได้อวตารเป็นพระราม พระแม่พระลักษมีก็ได้อวตารตามไปเป็นนางสีดา

slot
และก็เมื่อพระวิษณุอวตารเป็นพระกฤษณะ พระแม่พระลักษมีก็ได้อวตารเป็น พระนางรัตตะ(พระราธา)

พระศิวะ เทพแห่งการทำลาย

พระศิวะ (คนประเทศไทยเรียกว่า พระอิศวร) เป็นพ่อของ พระคเณศ มีมเหสีเป็น พระแม่อุมาเทวี พระศิวะทรงเป็นพระอิศวรผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล หนึ่งใน ตรีพรหม หรือ 3 พระอิศวรสูงสุดที่พราหมณ์-ฮินดู (พรหม พระวิษณุ พระศิวะ)

jumbo jili
มีลักษณะเด่นคือ วรรณะสีขาว แดง หรือดำ เส้นพระผมยาวมุ่นอย่างฤาษี มีดวงจันทร์นเสี้ยวอยู่บนพระเกศา มีตรีเนตร (ดวงตาลำดับที่สาม) บนพระนลาฏ มีงูพันพระศอซึ่งป็นสีดำ แขวนลูกประคำทรงอาวุธหลาวสามง่าม ที่เกี่ยวไว้ด้วยกลองบัณเฑาะว์

สล็อต
ท่านทรงประทานพรยอดเยี่ยมให้แก่ผู้หมั่นปฏิบัติคุณความดี และก็ถือมั่นในจริยธรรม ถ้าเกิดผู้ใดกันแน่ทำตัวเพื่อถวายแก่ท่านแล้วต้องการสิ่งยอดเยี่ยมใดๆก็ตามท่านก็จะประทานพรนั้นๆให้ แต่ว่าเมื่อได้พรสมความต้องการแล้ว คราวหน้าถ้ากระทำผิดไปจากความดี ผู้นั้นจะกำเนิดฉิบหายในชีวิต พระศิวะเทวดาจะเป็นคนทำลายโดยทันที!!

สล็อตออนไลน์
มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยขจัดรักษาแก้ไขอากาศเจ็บป่วยต่างๆได้อย่างน่าพิศวงนัก!! แม้คนใดกันที่ป่วยหนักหรืออยากได้ขอพรให้คนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวหายเจ็บป่วย
หากทำการเส้นไหว้บูชาและก็ขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความป่วยไข้นั้นถูกขจัดให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน
ท่านเป็นเทวดาที่จะรอขับไล่ไสส่งสิ่งเลวร้ายให้ไกลห่าง แล้วก็ส่งผลให้เกิดคุณความดีเป็นศรีมงคลเกิดขึ้น คนที่เป็นทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด ถ้าหากเส้นไหว้บูชา ขอพรให้สิ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงที่ความทุกข์ทรมานด้วยด้วยเหมือนกัน
พระศิวะ นั้นเป็นเทวดาที่จะอวยพรประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่คนที่มีอาชีพเลี้ยงโค เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ และก็อาชีพที่เกี่ยวกับการกสิกรรมทั้งผอง ก็จะมีการบรรลุผลแล้วก็มีความสมบูรณ์พูนสุข ถ้าหากเส้นไหว้บชาพระศิวะ…
เว้นแต่หน้าที่จุดสำคัญโดยรวมที่กล่าวมาข้างต้นนั้น อีกหน้าที่หนึ่งที่แน่ชัดแยกออกไป จากหน้าที่ของการเป็นพระอิศวร ผู้ทรงมีพระมหาได้โปรดกรุณา ประทานพรแก่มนุษย์โลกนั้น พระศิวะยังทรงเป็นเทวดาที่คีตา เป็นเป็นทวยเทพเทวดาที่การดนตรี รวมทั้งการฟ้อนรำ ระบำฟ้อนรำอีกด้วย

jumboslot
พระศิวะ ผู้เป็นพระเจ้าที่การล้มล้าง ท่านเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ใบหน้าของท่านทำให้เห็นว่าเป็นทั้งยังชาย เป็นอีกทั้งหญิง เป็นทั้งยังผู้ใจดี เป็นอีกทั้งผู้ดุร้าย จากชิ้นผงธุลี ไปจนกระทั่งเทือกเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็กๆไปจนกระทั่งช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนกระทั่งพระผู้เป็นเจ้า อะไรก็แล้วแต่ที่พวกเราสามารถมองเห็นได้นั้น เป็นลักษณะของพระศิวะทั้งปวง

slot
ใน ตำราอุปนิษัท ของฮินดู การท่องจำคำในพระตำราส่วนใหญ่มีคำว่า “ศิโอ้อวดมฺสวหะ” (เราเป็นศิวะ) แสดงว่า บุคคลผู้มีปัญญาทุกๆคน ควรจะพิจารณาถึงตนเอง แล้วก็สิ่งทั้งหลายแหล่ของสากลโลกเป็นลักษณะของพระศิวะทั้งปวง เมื่อคิดรำลึกได้แบบงี้แล้ว ผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสำราญความสงบเงียบ

พระพิฆเนศ

คู่มือปราณะได้บันทึกไว้พักหลังพุทธศักราชที่ 1 เอ๋ยถึงการกำเนิดพระพิฆเนศวรในฐานะเทวดา รวมทั้งบุตรชายของพระแม่อุมาเทวีกับพระศิวะเทวดา โดยแต่ละตำนานได้กล่าวไว้ต่างกัน ดังต่อไปนี้

jumbo jili
ตำนานอันดับหนึ่ง ปราบอสุรีรวมทั้งรากษส
เมื่ออสุรีรวมทั้งรากษส ทำเส้นไหว้พระศิวะเพื่อขอพรต่อท่านจนได้รับพร สมดั่งใจคิด ต่อเมื่อเหิมใจกลับรุกรานเหล่าเทวดาให้ได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว จนถึงความถึงพระอินทร์ก็เลยต้องพาเหล่าเทวดาทั่งหลายไปขอเข้าเฝ้าพระศิวะเจ้า เพื่อขอให้ทรงทีแนวทางหรือคนที่จะปราบเหล่าอสุรีรวมทั้งรากษสหัวใจระรานพวกนั้น เมื่อได้ฟังคำร้องเรียนจากเหล่าเทวดาแล้ว พระศิวะก็เลยทรงแบ่งกายเป็นชายรูปงามซึ่งจะไปเกิดในท้องของพระอุมาเทวี เมื่อถึงเวลาเกิดแล้ว ท่านก็เลยทรงให้พระนามว่าพระวิฆเนศวรเพื่อปฏิบัติภารกิจปราบอสุรีและก็รากษสทั้งหลายแหล่ เมื่อเสร็จสมบูรณ์การปราบยักษ์แล้ว ท่านก็เลยทรงมอบหมายให้พระวิฆเนศวรทรงเป็นผู้ขวาง และก็คุ้มครองปกป้องเหล่าผู้มีจิตใจระรานต่างๆที่จะมาขอพรจากพระศิวะเพื่อนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง รวมทึ้งเป็นผู้คัดสรรเหล่าเทวดารวมทั้งมนุษย์ผู้กระทำบาปดีแล้วก็ช่วยเหลือให้ศึกษาและทำการค้นพบกับการบรรลุผล จากการขอพรต่อพระศิวะถัดไป

สล็อต
ตำนานลำดับที่สอง พระขว้างรวตี (พระแม่อุมาเทวี) ปั้นเหงื่อไหลไคลย้อยให้เป็นพระลูก
เมื่อคราวที่พระขว้างรวตีสรงน้ำอยู่ในสวน ท่านทรงนำเหงื่อไคลของท่านมาปั้นเป็นหุ่นเทวลูกรูปงาม และก็ทรงใช้เวทย์มนต์เพื่อหุ่นนั้นมีชีวิตขึ้นมา หลังจากนั้นก็เลยทรงตรัสให้เทวลูกออกไปเฝ้ายังข้างหน้าประตูปากทางเข้าสวน โดยได้รับสั่งว่าห้ามไม่ให้คนไหนเข้ามาโดยเด็ดขาด สถานะการณ์เป็นแบบนี้ตลอดมาครั้งใดก็ตามพระแม่อุมาทรงสรงน้ำในสวนที่นี้ จนตราบเท่าเมื่อถึงวันระบุเสด็จกลับของพระศิวะ แล้วก็เมื่อทั้งคู่ท่านเจอกันในครั้งแรกต่างก็จะเข้าไปในสวน อีกข้างก็คุ้มครองปกป้องไม่ให้คนไหนกันปิ้งกายเข้าในสวนได้ด้วยเทวลูกทรงได้รับคำบัญชาของพระอุมา ห้ามไม่ให้คนใดล่วงละเมิดเข้าไปยังสถานที่สรงน้ำที่นี้ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระศิวะก็เลยทรงสั่งให้บริวารเข้าต่อสู้และก็ได้ฆ่าเทวลูก (แต่ว่าในบางตำราก็ว่าพระศิวะทรงใช้หลาวสามง่ามตัดเศียรเทวลูกนั้น บ้างก็ว่าพระวิษณุทรงใช้จักรตัดเศียร)
เมื่อพระขว้างรวตีทรงเจอเหตุที่เกิดขึ้น ท่านทรงโกรธรวมทั้งโกรธพระสวามียิ่ง จนกระทั่งกับทำศึกสงครามใหญ่ระหว่างทั้งคู่ท่าน ร้อนถึงพระฤาษีท้องนารอด (ทุ่งนารท) จำต้องรับแทนหน้าพูดจาศึกในครั้งนี้ โดยพระปราวตีได้กล่าวให้พระศิวะผู้สวามีต้องหาวิถีทางให้เทวลูกฟื้นคืนชีพก็เลยจะยอมเลิกรบให้
พระศิวะก็เลยทรงมีคำบัญชาให้เทพเจ้าผู้เป็นบริวารเดินทางไปทิศเหนือ และก็ให้ตัดศรีษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่เจอเพื่อนำมาแม้กระทั่งกับเทวลูกผู้เป็นบุตรชาย ไม่นานนักทวยเทพก็เดินทางกลับมาพร้อมทั้งนำเศียรช้าง (มีงาเดียว) เพื่อมาถึงแม้ว่าจะพระลูกชาย ซึ่งถัดมาก็เลยทรงตั้งชื่อใหม่เป็นคชานนะ (มีหน้าเป็นช้าง) รวมทั้งเอกทันต (ผู้มีงาเดียว) เมื่อได้ช่วยชีวิตรู้สึกตัวแล้วพระปราวตีก็เลยทรงเล่าราวต่างๆให้ทั้งคู่ท่านได้ฟังว่าทั้งคู่ท่านทรงเป็นพระพ่อรวมทั้งพระลูกชาย ซึ่งข้างบุตรชายได้ฟังด้วยเหตุผลดังกล่าวถึงกลับหมอบกราบขอประทานโทษโทษเพราะว่าวิชาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเอง พระศิวะทรงเพียงพอใจยิ่งนัก ถึงกับประทานพรให้พระบุตรชายให้เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือเหล่าภูตผีปีศาจทั้งสิ้น แล้วก็ทรงตั้งให้เป็น คณปว่ากล่าว ผู้เป็นใหญ่สุดท้าย

สล็อตออนไลน์
ตำนานลำดับที่สาม ขวางคนอัลธพาลที่อยากไถ่บาปในเทวาลัยโสมทุ่งนาถ รวมทั้งเทวาลัยโสมีศวร
ตำนานกล่าวถึงว่าพระขว้างรวตีได้ทรงนำน้ำที่ใช้ในลัษณะของการสรงน้ำมาผสมเหงื่อไคล ปั้นเป็นเทวลูกรูปเป็นมนุษย์แต่ว่ามีเศียรเป็นช้าง แล้วก็เลยนำน้ำจากพระแม่น้ำคงคามาพรมเพื่อมีชีวิตขึ้นมา โดยมีพระต้องการให้ไปกีดขวางคนอัลธพาลที่จะไปบูชาศิวลึงค์ เนื่องจากว่าหวังที่จะไถ่บาปตัวเองในเทวาลัยโสมท้องนาถ และก็เทวาลัยโสมีศวร เพื่อไม่ให้ตนตกนรก
จากเรื่องเล่านี้ ทำให้เกิดอาการชาวฮินดูทั้งหลายแหล่นิยมนำรูปปั้นพระคเณศมาจุ่มในน้ำในวัดคเนศจาเหม็นตุรถี หรือครั้งคราวก็จะนำเทวรูปเล็กๆนำไปทิ้งตามแม่น้ำคงคาด้วยความเชื่อถือที่ว่า น้ำจากแม่น้ำคงคาจะมีผลให้พระวิฆเนศวรมีชีวิตขึ้นมานั่นเอง
ตำนานลำดับที่สี่ พระกฤษณะอวตาร
เล่าไว้ว่าเมื่อครั้งพระขว้างรวตียังไม่มีลูกชาย พระศิวะเทวดาผู้สวามีก็เลยให้คำปรึกษาว่าให้ทำพิธีการปันยากพรต (การบูชาพระวิษณุเทวดาในวันขึ้น 13 เย็น เดือนมาฆะ) โดยใช้เวลาสำหรับการประกอบพิธีตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าหากทำโดยตลอดจนกระทั่งครบก็จะบรรลุผลสำเร็จสำหรับการขอบุตร ซึ่งพระกฤษณะจะอวตารมาตาย ต่อเมื่อทั้งหมดทุกอย่างเป็นไปตามคำร้องของพระศิวะเทวดาแล้ว เหล่าเทพทวยเทพเทวดาทั้งหลายแหล่ก็ได้มาร่วมอวยพรกับการเกิดของพระลูกชายท่านนี้ รวมทั้งเทวดาศนิ (พระเสาร์) ก็เข้ามาร่วมพิธีการอำนวยพรด้วย ซึ่งพระศนิท่านนี้มีเรื่องมีราวกล่าวไว้ว่า เมื่อท่านทรงพิศดูสิ่งใดชอบกำเนิดไฟเผาผลาญสิ่งนั้นๆจนกระทั่งหมดเกลี้ยงไป
ในคราวร่วมพิธีการให้พร พระศนิก็ทรงได้ยกย่องพระบุตรชาย จนถึงเผลอตนพิศดูพระบุตรชายจนกระทั่งเศียรของพระกุมารหลุดกระเด็นไปยังวัวโลก (ที่ประทับพระกฤษณะ) พระศิวะก็เลยมีสั่งการให้พระวิษณุออกตามหาเศียรพระบุตรชาย แต่ว่าก็ไม่ทรงเจอถัดมาเมื่อผ่านแม่น้ำบุษปดี พระวิษณุทรงแลเห็นช้างนอนหันหัวไปทางทิศเหนือ ก็เลยตัดเศียรช้างนั้นนำกลับมาแม้กระทั่งพระลูกชาย

jumboslot
ตำนานที่ห้า พระศิวะ-พระขว้างรวตีแปลงเป็นช้าง
ครั้งหนึ่งพระศิวะแล้วก็พระขว้างรวตีได้เสด็จไปยังเทือกเขาหิมาลัย ได้แลเห็นช้างกำลังร่วมประเวณีกัน ก็เลยเกิดขึ้นความต้องการ แล้วต่อจากนั้นก็เลยทรงเปลี่ยนร่างเป็นช้างรวมทั้งสู่สมกันจนกระทั่งกำเนิดพระบุตรชาย

slot
นามพระวิฆเนศ
ตำนานที่หก พระวิษณุเทวดา ส่งแสงถ้อยคำกสิทธิ์ในพิธีการโสกันต์
จากที่พระศิวะและก็พระขว้างรวตีทรงจัดพิธีการโสกันต์ให้กับพระลูกชายในพิธีการเวลาเป็น วันอังคารก็เลยได้แจ้งชวนเทวดาทั้งหมดทั้งสิ้นมาเป็นประจักษ์พยาน แต่ว่าคงจะยังขาดเพียงแต่องค์วิษณุเทวดาที่ทรงอยู่ระหว่างบรรทม กระทั่งเมื่อใกล้เวลาอันเป็นมงคล พระศิวะเทวดาก็เลยทรงให้พระอินทร์นำสังข์ไปเป่าเพื่อปลุกให้พระวิษณุเทวดาตื่นจากบรรทม เมื่อพระวิษณุเทวดาทรงตืนจากบรรทมด้วยเสียงดังของสังข์ ก็เลยทำให้พระวิษณุเทวดาพลั่งปากออกไปว่า “ไอ้ลูกไม่มีหัวจะนอนให้สบายก็มิได้” เพียงแค่ถ้อยคำนี้ถึงกลับทำให้เศียรของพระบุตรชายหายไปในทันทีทันใด เหล่าเทพทั้งหลายแหล่เมื่อมองเห็นดังต่อไปนี้แล้วจึงขอคำแนะนำกันว่า วันอังคารนับว่าเป็นเวลาไม่ดีขอห้ามประกอบพิธีการมงคลใดๆก็ตามทั้งหมด กลับถึงเรื่อง พระเศียรของบุตรชายพระศิวะเทวดาก็เลยมีสั่งการให้พระเวสสุกรรมไปตัดศรีษะมนุษย์ที่เพิ่งจะจบชีวิตในทิศตะวันตก แล้วนำกลับมาอย่างรวดเร็ว แม้กระนั้นในวันนั้นหาได้มีมนุษย์คนใดกันสิ้นอายุขัยลง พระวิษณุบาปแลเห็นเพียงแต่ช้างตัวผู้งาเดียวเพียงแค่นั้นที่จบชีวิตลง ก็เลยตัดศรีษะช้างตัวผู้ตัวนั้นกลับมามอบพระศิวะเทวดา
ในเวลาที่พุทธกำลังเติบโตในประเทศอินเดีย มีเรื่องมีราวเล่ารายงานในในช่วงเวลานี้ว่า เมื่อทวยเทพนำหัวช้างมาต่อแต่ว่าก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้พระบุตรชายฟื้นคืนชีวิตได้ พระศิวะเทวดาก็เลยจำเป็นต้องให้พระวิษณุเทวดาไปทูลชวนเสด็จพระศรีมานนท์พระอรหันต์ ให้โปรดเสด็จมาสวดมนตร์พระเวทมนตร์คาถาเคยชินบัญชรจนถึงเสร็จทำให้พระบุตรชายฟื้นคืนชีพ
หรือบ้างก็พูดว่าในพิธีการโสกัณต์ พระราหูได้เตือนพระศิวะแล้วว่าจะเกิดเหตุคาดไม่ถึงขึ้น จำเป็นที่จะต้องทูลชวนเสด็จพระพุทธเจ้าให้ร่วมพิธีการนี้ด้วย แต่ว่าพระศิวะเทวดาก็หารับฟังไม่ บ้างก็ว่าพระวันอังคารมิได้รับเชิญให้ร่วมพิธีการก็เลยโกรธเคือง แล้วก็ได้ลอบตัดเศียรพระบุตรชายไปเขวี้ยงทิ้งสมุทร

พระพรหม (Brahm) เทพแห่งการสร้าง

พรหม (อักษรโรมัน Brahm)

jumbo jili
เป็นทวยเทพในพราหมณ์ฮินดู นับว่าเป็นผู้ผลิตจักรวาล รวมทั้งเป็นเลิศในตรีพรหม อันมีพรหม พระวิษณุ รวมทั้งพระศิวะ เป็นคนละแบบกับ พรหมัน อันเป็นเป้าสูงสุดของปรัชญาฮินดู แม้กระนั้นมีรากศัพท์เดียวกัน โดยที่พรหมันนั้นเป็นนาม นปุงสกลิงก์ เป็นไม่มีเพศ

สล็อต
ในตอนที่พรหม เป็นปุลลิงก์ หรือผู้ชายเพศ ตามคู่มือพระเวท นับว่าพรหมมีมเหสี เป็นพระนางปชาบดี มีหงส์เป็นยานพาหนะ มี 4 ใบหน้า เป็นเทวดาที่การผลิตแล้วก็การให้พร ที่เรียกว่า “พระพรหมพร” นับว่าเป็นทวยเทพที่ความกรุณา
ในคติศาสนาพุทธ พรหม เป็นชาวสรวงสวรรค์ชั้นสูงขั้นหนึ่งที่สูงกว่าทวยเทพเทวดาทั่วๆไป เรียกว่า “พระพรหม” พรหมไม่มีเพศ แม้กระนั้นก็ยังอยู่ในกามาพจรโลก มีการวนเวียนว่ายตายกำเนิด อยู่ในสรวงสวรรค์ที่เรียกว่าชั้นพระพรหม
พรหมแบ่งได้เป็น 2 จำพวกหมายถึงพระพรหมที่มีรูป เรียกว่า “รูปพระพรหม” มีทั้งผอง 16 ชั้น แล้วก็พระพรหมที่ไม่มีรูป เรียกว่า “อรูปพระพรหม” มีทั้งปวง 4 ชั้น โดยอรูปพระพรหมจะสูงขึ้นมากยิ่งกว่ารูปพระพรหม
พรหมมีชื่อเรียกอื่นในภาษาไทยได้แก่ สี่หน้า, ผู้รังสฤษฎ์บดี, หงสรถยนต์ ฯลฯ โดยพรหม เป็นที่ชื่นชอบมากมายในประเทศไทย รวมทั้งมีรูปปั้นอยู่ลำดับที่สี่แยกพระราชประสงค์ด้วย

สล็อตออนไลน์
พรหมในพุทธ กับ พรหมในพราหมณ์ นั้นมีรูปกายแบบเดียวกัน ลักษณะข้างนอกแบบเดียวกัน แต่ว่าไม่ใช่องค์เดียวกัน
พรหมของพุทธเป็นผู้ที่ทำความดี ยึดมั่นอยู่ใน พรหมวิหาร 4แล้วก็ไปกำเนิดเป็นพระพรหม ซึ่งมนุษย์ทุกคนสามารถเป็นพระพรหมได้ ถ้าหากตั้งใจอยู่บนความมีเมตตา ขอความปรานี มุทิตา อุเบกขา บนสรวงสวรรค์ก็เลยมีพรหมเป็นล้านๆองค์ พรหมที่คนประเทศไทยรู้จักกันดีดังเช่น พระพรหมธาดา หรือ พรหมเอราวัณในทางแยกพระราชประสงค์ ท้าวพกาพระพรหม ท้าวกบิลพระพรหม

jumboslot
พรหมของพราหมณ์-ฮินดูหมายถึงผู้ผลิตโลก ซึ่งมีเพียงแต่องค์เดียว แม้กระนั้นเรียกได้หลายชื่อ ได้แก่ ท้าวมหาพรหม พระพรหม ท้าวจตุรมุข ประชาชนบดี

slot
การกราบไหว้สักการเทวรูปพรหม ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเป็น พรหมของฮินดู (ผู้ผลิตโลก) หรือเป็น พรหมของศาสนาพุทธ (ผู้ทรงพรหมวิหาร) ชี้แนะให้สวดมนตร์บูชาทั้งยัง 2 คติในครั้งเดียวเลย จะได้ไม่สงสัยติดติดอยู่ในใจ ทั้งยังยังได้รำลึกถึงพรหมทั้งสิ้นทุกองค์ ซึ่งไม่เป็นการไม่ถูกบาป เพราะว่าการสักการะบูชาเทวรูปพระพรหมในคติหนึ่งแล้วรำลึกไปถึงอีกคติหนึ่ง จะก่อให้เกิดมิ่งขวัญอีกทั้ง 2 ศาสนา (พุทธ-พราหมณ์)

พระตรีมูรติ มหาเทพ ผู้สร้าง ผู้รักษา ผู้ทำลาย

พระตรีพรหม มาจากคำว่า ตรี หมายคือสาม แล้วก็คำว่า มูรติ เป็นต้นแบบ ด้วยเหตุนี้คำว่า ตรีพรหม ก็เลยซึ่งก็คือ ลักษณะของพระเจ้าทั้งยังสามท่าน มี พรหม พระวิษณุ พระศิวะ เป็นเลิศในลัทธิที่สำคัญในพราหมณ์ ถ้ามองตามหลักปรัชญาเป็น พระผู้ผลิต พระแพทย์ รวมทั้งพระคนทำลาย เปรียบเหมือนหลักธรรมที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป…

jumbo jili
พรหม+พระวิษณุ+พระศิวะ = พระทัตตาเตรยะ = พระตรีพรหม
การกำเนิด “พระตรีพรหม” ก็มีกล่าวกันไว้หลายตำแหน่งต่างๆกัน และก็ชอบรู้เรื่องว่าพระตรีพรหมเป็นภาคและก็สามท่านในร่างเดียวกัน เรียกว่า ทัตตาเตรยะ (Dattatreya) คำว่า ทัตตา (Datta) คือ การมอบให้พระผู้เป็นเจ้าอีกทั้งสามท่าน ส่วนคำว่า เตรยะ (treya) คือ ผู้เป็นลูกที่ฤาษีอัตริหรือเตรยะ อันเป็นอวตารของพระอิศวรทั้งยังสามท่าน บ้างก็พูดว่าเป็นองค์พระนารายณ์ สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระตรีพรหมความเดิมมีอยู่ว่า….

สล็อต
ตราบหนึ่งมีฤาษีนามว่า “อณิมาณฑวย” (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) กำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญตบะอยู่นั้น ได้มีขโมยกรุ๊ปหนึ่งกำลังหนีข้าราชการผ่านมาทางนั้นพอดิบพอดี แต่ว่าฤาษีอยู่ในสมาธิสมาธิก็เลยไม่ยินยอมบอกบอกอะไรก็ตามทำให้ข้าราชการมีความคิดว่าฤาษีเป็นขโมยเสียเอง ก็เลยได้จับมาลงทัณฑ์และก็ถูกเจ้าผู้ครองเมืองสั่งประหาร โดยการทิ่มหลาวสามง่ามไว้บนยอดดอยแห่งหนึ่งแม้กระนั้นฤาษีเวลานี้ยังไม่ตาย

สล็อตออนไลน์
ระหว่างนั้น นางศีลวตี เมียที่ไม่คดโกงต่อผัวชื่อ “อุครศรวัส” กำลังหามผัวให้ขี่คอตัวเอง รวมทั้งกำลังเดินทางผ่านเขาลูกนั้นพอดิบพอดีเพื่อจะหานาง อนุสูรยา ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ประกอบกับวันนั้นมีฝนตกหนักทำให้เดินทางตรากตรำ ผัวหวานใจของนางก็เลยปรักปรำฤาษี (อณิมาณฑวย) กล่าวหาเป็นตัวปัจจัยทำให้ฝนตก เมื่อฤาษีได้ยินเข้า ก็ไม่สบอารมณ์ หากแม้กำลังจะใกล้ตาย แต่ว่าก็ไม่วายที่จะแช่ง ให้หัวของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงยามใด ที่ตะวันขึ้น นางศีลวตีได้ยินคำสาปแช่งเข้า ก็ไม่ยินยอมให้ผัวเป็นแบบนั้น ก็เลยได้ตั้งจิตอธิษฐานขอไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้นอีกเลย ซึ่งคำภาวนาได้เกิดผลทำให้ดวงอาทิตย์ไม่ขึ้น ก็เลยตกระกำลำบากกันไปทั่วทั้งยังสามโลก ความแจ้งไปยัง พรหม พระศิวะ พระนารายณ์ แต่ว่าก็ไม่อาจจะจะช่วยอะไรก็ตามได้ เว้นแต่ว่าขอให้นางศีลวตีถอนคำภาวนานั้นเสีย ด้วยเหตุผลดังกล่าว อีกทั้งสามท่านก็เลยได้เสด็จไปพบนางอนุสูยาก่อน เพื่อนางไปขอนางศีลวตีถอนคำภาวนาอีกที ในระหว่างไปพบนางอนุสูยานั้น ผัวนางเป็น “อรตี” ไม่อยู่บ้าน โดยการทำหนว่าขอของกินจากนางอนุสูยา นางยอมประพฤติตามที่ขอ แต่ว่ามีเงื่อนไขอยู่ว่านางจำเป็นที่จะต้องจัดของกินให้โดยไม่มีเครื่องประดับ เสมือนหนีเสือปะจรเข้ เนื่องจากหญิงใดปลดเครื่องแต่งตัวซึ่งๆหน้าคนอื่นๆที่ไม่ใช่ผัว ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ม่สุจริต แต่ว่านางไม่ต้องการที่จะอยากไม่ถูกคำปัญญา ทั้งยังคำขอให้ช่วยที่พิลึกนี้ไม่ใช่คนเดินดินแน่ๆ ซึ่งบางทีอาจเป็นกลโกงอะไรสักอย่างได้ เมื่อได้มองเห็นแบบนั้น นางก็เลยรำลึกถึงผัว แล้วก็อธิษฐานนางได้ทำไป มิได้เป็นสิ่งล่อใจหรือกามราคะอะไรก็ตามเมื่ออีกทั้งสามท่านขอร้องออกมาว่า “โอ้มาตา โปรดให้อาหารแก่พวกเราเถิด” ประโยคนี้ทำให้นางตกลงใจคิดเสียว่าทั้งยังสามท่านเป็น ลูกของนาง ด้วยความเมตตากรุณานางก็เลยปลดเครื่องแต่งตัวออก ทันทีทันใดพระเจ้าทั้งยังสามท่าน ก็เปลี่ยนไปร่างเป็นเด็กทารกน้อยทั้งยังสาม นางอนุสูยาก็เลยให้นมรวมทั้งของกินจนกระทั่งอิ่มหลับไป

jumboslot
เมื่อผัวของนางอนุสูยากลับมามองเห็นเข้ารวมทั้งทราบเรื่องราวทั้งสิ้น ก็เลยได้เข้าไปดูและปลุกขึ้นมาเพื่อสรรเสริญ แม้กระนั้นแล้วปรากฎว่า เด็กแรกคลอดน้อยเปลี่ยนไปร่างเป็นพระเจ้าทั้งยังสามตามเดิม ท่านทรงยกย่องนางที่มีความปรานี และก็วิงวอนให้นางอนุสูยาไปบอกนางศีลวตี เพื่อขอให้ถอนคำภาวนานั้นเสีย โดยที่สามีนาง (อุครศรวัส) จะไม่ตาย นางศีลวตีเมื่อรับทราบเรื่องราวก็เลยยอมโดยดี ทั้งยังสามท่านก็เลยพูดถามนางอนุสูยาว่าอยากได้ขอพรสิ่งใด นางทูลขอให้พระเจ้าอีกทั้งสามท่าน กำเนิดเป็นลูกของนางกำนัลวันข้างหน้า อีกทั้งสามท่านก็เลยได้ประทานพรตามคำร้องขอ โดยที่พระนารายณ์กำเนิดเป็นพระทัตตาเตรยะ พระศิวะกำเนิดเป็นทุรวาสัส และก็พรหมกำเนิดเป็นดวงจันทร์

slot
“คติคนประเทศไทยที่มีต่อพระตรีพรหมคืออะไร”
แต่ว่าที่เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวไทยจำนวนมากชอบเช้าใจกันว่า พระทัตตาเตรยะ หรือ พระตรีพรหม ไม่ว่าจะเป็นร่างเดียว หรือแยกร่างเป็นพระเจ้าอีกทั้งสามท่านก็ตาม ความเชื่อที่มีต่อท่าน ได้ตกทอดผ่านกันมาหลายสมัยหลายยุค จนได้รับยกย่อง แปลงเป็นเครื่องหมายใหม่ของการประทานความรัก และก็ความสมใจให้มนุษยชาติถึงกระทั่งขณะนี้

พระแม่สรัสวดี เทพีแห่งความรู้

…พลังอำนาจที่มหาเทวีอีกทั้ง 3…

jumbo jili
พระแม่สรัสวดีเป็นมเหสีของ พรหม (ผู้ผลิตโลก)
พระแม่พระลักษมีเป็นมเหสีของ พระวิษณุ (ผู้ดูแลโลก)
พระแม่อุมาหมายถึงมเหสีของ พระศิวะ (คนทำลายโลก)

สล็อต
พระแม่สรัสวดี เป็นผู้แทนที่ สติปัญญาวิชาความรู้
พระแม่พระลักษมี เป็นผู้แทนที่ ความมั่งคั่ง
พระแม่อุมา เป็นผู้แทนที่ ความมีอิทธิพล

สล็อตออนไลน์
ซึ่งคุณลักษณะอีกทั้ง 3 ประการฉะนี้ (วิชาความรู้ มีเงินมีทอง มีอำนาจ) ก็คือ 3 คุณลักษณะสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนดิ้นรนเสาะหา และไม่มีคนไหนกันแน่ไม่ยอมรับเลยว่า บุคคลที่มีอีกทั้งสติปัญญาวิชาความรู้ มีทั้งยังความมั่งมีบริบูรณ์ รวมทั้งมีทั้งยังอำนาจบารมี จะสามารถยืนหยัดเฉิดฉัน อยู่ในแวดวงสังคมได้อย่างเต็มสง่า

jumboslot
แขกฮินดูก็เลยมั่นใจว่า การกราบไหว้เทิดทูนบูชาพระแม่หรือมหาเทวีทั้งยัง 3 ท่านนี้ด้วยไม่คดโกง และก็มอบความรักความเชื่ออย่างแรงกล้าแก่ท่านแล้ว ท่านย่อมประทานพรให้ผู้เชื่อถือได้รับทั้งยังสติปัญญา ความมั่งมี รวมทั้งความมีอิทธิพลอย่างสมบูรณ์
ความสวยสดงดงามของพระแม่ทั้งยัง 3 ท่านนั้นก็มีความงดงามที่นานับประการ โดยผู้บูชาสามารถแลเห็นและก็รู้สึกได้ทุกคน โน่นเป็น
พระแม่สรัสวดี มีความสวยงามแบบ อ่อนโยน นิ่ง ใจเย็น มองฉลาดหลักแหลม
พระแม่พระลักษมี มีความสวยสดงดงามแบบ สวย นุ่มนวล งอนงาม มองอบอุ่น
พระแม่อุมา มีความสวยงามแบบ น่านับถือ มองเด็ดขาด
พระแม่สรัสวดี จะทรงเครื่องดนตรีเสมอ

slot
พระแม่สรัสวตี เทวีที่สรรพวิชาความรู้

พระแม่อุมาเทวี (ปารวตี) เทวีแห่งอำนาจวาสนาและบารมี

พระแม่อุมาเทวี… เจ้าแม่อุมา หรือ ขว้างรวตี เป็นนามที่พระแม่ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล เป็นเทวีที่อำนาจวาสนาแล้วก็บารมีอันสูงสุด ท่านทรงประทานยศถาบรรดาศักดิ์ และก็ความยิ่งใหญ่แก่ผู้หมั่นบูชาต่อท่านอย่างสม่ำเสมอ..!!!

jumbo jili
อำนาจที่พระแม่อุมานั้น ยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเทียบเคียงได้ ท่านทรงประทานชัยเหนือศัตรู ประทานพละกำลังที่ผู้หญิง ทำลายสิ่งชั่วช้าสารเลว ตลอดจนประทานบริวารรวมทั้งอำนาจสำหรับการดูแล ท่านยังทรงประทานพรด้านความสมบูรณ์ ความอิ่มเอม ความสุขสบายสำหรับในการครองเรือน ครอบครัวที่เปี่ยมสุข ตลอดจนการคุ้มครองป้องกันผู้เชื่อถือให้ไม่เป็นอันตรายและก็ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหมด

สล็อต
พระแม่อุมา ทรงเป็นมารดาที่ พระคเณศ… เป็นมเหสีที่ พระศิวะ พระอิศวรคนทำลายโลก 1 ใน 3 ที่ พระตรีพรหม พระแม่อุมาก็เลยเป็น 1 ใน 3 ที่พระตรีศักตำหนิ ด้วย (ตรีศักติเตียน คือ พระแม่อีกทั้งสาม เช่น พระแม่อุมา พระแม่พระลักษมี พระแม่สรัสวตี) ท่านมีวิมานสถิตในเขาไกรลาส เหมือนกันกับพระศิวะเทวดา มีเครื่องหมายประจำท่านเป็น โยนี (ฐานรองศิวลึงก์) มีทิพยรูปเป็นหญิงที่สวยงาม เปี่ยมไปด้วยความกรุณา เป็นมารดาที่ทุกๆชีวิตทั้งมวล ฉลองพระองค์ด้วยเครื่องแต่งตัวหลายสีสัน ประดับโดยการใช้ทองอย่างสวย
ศาสตราวุธ ที่พระแม่อุมาเทวีเป็น

  • หลาวสามง่าม เป็นเครื่องหมายที่การกำจัดสิ่งเลวร้าย แล้วก็
  • กระบี่ เป็นเครื่องหมายที่ความเด็ดขาด เป็นผู้ตัดสิน รวมทั้งอยู่เหนือคนอื่นสล็อตออนไลน์
    พระแม่อุมาเทวี (เจ้าแม่อุมา) มีอวตารอยู่หลายปาง ปางที่สำคัญที่สุดอีก 2 ปางจากพระแม่อุมาหมายถึงปางพระแม่ทุรค้าง (ทุรกา) และก็ ปางพระแม่กาลี (เจ้าแม่กาลี) อ่านได้จากบทความตำนานพระแม่ทุรติดอยู่รวมทั้งพระแม่กาลี ในบทต่อๆไป
    อีกปางหนึ่งที่ต้องการชี้แนะ แม้กระนั้นไม่ค่อยมีคนประเทศไทยรู้จัก โน่นเป็น ปางพระแม่อุมาตากี เป็นการอวตารของพระแม่อุมาเทวี ศูนย์รวมเอาพระแม่อีก 2 ท่านเข้าไว้ด้วยหมายถึงพระแม่อุมา พระแม่พระลักษมี พระแม่สรัสวดี ได้อวตารรวมเป็นร่างเดียวกัน ดังพระตรีพรหม นิยมนับถือกันในกลุ่มผู้เชื่อถือนิกายศักตำหนิ หรือนิกายที่เชื่อถือเฉพาะเทวดาสตรีทั้งยัง 3 ท่านว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่า พรหม พระวิษณุ พระศิวะ อันเป็นเทวดาชายสูงสุดที่พราหมณ์-ฮินดู
    ตำนานพระแม่อุมาเทวี
    ตามตำนานโบราณพูดกันว่า “พระแม่อุมา ” นั้นเดิมทีมีต้นเหตุที่เกิดจากการที่พระศิวะใช้พระมือข้างขวาลูบคลำเบาๆที่กึ่งกลางพระอุระ พระแม่อุมาก็เลยตายขึ้นกึ่งกลางหน้าอกของพระศิวะ บ้างก็กล่าวไว้ว่าพระแม่อุมาเทวีเป็นลูกสาวของ ท้าวหิมวัต รวมทั้ง พระนางเมนกา เทวดาผู้เป็นใหญ่ที่เทือกเขาหิมาลัย แม้กระนั้นในบางหนังสือกล่าวไว้ว่าพระอุมาเป็นบุตรีของ พระความสามารถประชากรบดี และก็เป็นญาติกับ พระแม่คงคา (พี่สาวของพระแม่อุมา) พระอุมาในภาคนั้นมีนามว่า พระสตี เป็นมเหสีของ พระมุนีโลกเป็นพระศิวะ อีกภาคหนึ่ง
    เรื่องราวในช่วงเวลานี้อาจจะเป็นตอนก่อนเกิดเป็นพระแม่อุมาเทวี ซึ่งได้ปรากฏเกิดเรื่องกล่าวขวัญกัน เริ่มจากความภักดีด่อพระสวามี (พระศิวะ) โดยพระนางได้ใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์บันดลให้ไฟเผาไหม้ตัวเอง
    ซึ่งกล่าวไว้ว่า พระศิวะ ทรงอวตารลงมาในภาคของ มุนีโลก แต่ว่าก็เนื่องจากว่าท่านทรงกลายร่างอวตารลงมาในชุดนุ่มคลุมแบบปอนๆซอมซ่อ รวมทั้งมีสังวาลสวมคอเป็นลูกประคำโดยนำกระดูกมาร้อยต่อกัน ไว้ผมหนวดเครารก ถูกใจนอนตามป่าช้า ร่างกายมีกลิ่นเต่าเหม็นอับ (ไม่เหมือนกับการแบ่งภาคอื่นๆ) ดังนี้ก็เพื่อสร้างเสริมบารมี ด้วยการบำเพ็ญตน บำเพ็ญตบะ ซึ่งกาลถัดมาด้วยโชคชะตาที่สร้างเหมาะสมกันมาเมื่อก่อน ทำให้พระนางสตีมองมองเห็นรูปกายที่จริงจริงว่าพระมุนีภาพองค์นี้ก็คือ ภาคหนึ่งที่องค์พระศิวะผู้เป็นผู้ใหญ่ในสามโลก พระนางสตีก็เลยตกลงปลงใจอยู่รอรับใช้ดูแลในฐานะมเหสี ข้างพระความชำนาญประชาชนบดีไม่ได้เห็นด้วยกับความนึกคิดของพระนางสตีนัก แม้กระนั้นก็ไม่ได้กีดขวางแต่อย่างใด ก็มีความคิดที่มาได้ไม่ชอบใจในตัวของพระมุนีโลกเลย กลับแสดงความเกลียดสำหรับการปฏิบัติ อีกทั้งรูปร่าง การแต่งกายของพระมุนีโลกโดยตลอด
    ข้างบรรดาราชลูกเขยต่างๆก็รอตามใจผู้เป็นพ่อตาอยู่เป็นนิจตลอดมา เว้นก็แต่ว่าพระมนีโลกผู้เป็นสวามีพระนางสตีแค่นั้น ที่ไม่เคยเข้ามาเอาอกเอาใจเลย ก็เลยเป็นเหตุผลอีกกรณี ที่ทำให้พระความชำนาญประชากรบดียิ่งไม่ชอบใจมากยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก jumboslot
    จนถึงวันหนึ่งพระความสามารถประชาชนบดีอยากได้จัดพิธีการการเซ่นสรวงบูชา โดยพิธีกรรมนี้ได้ชักชวนเหล่าเทพต่างๆบนสรวงสวรรค์ และเหล่าราชลูกเขยร่วมในพิธีการนี้ทุกองค์ แต่ว่าก็ละเว้นพระมุนีโลกเพียงแค่ท่านเดียว ที่มิได้ให้ร่วมพิธีการการเซ่นสรวงบูชาในคราวนี้ด้วย ด้านพระนางสตีเมื่อได้ฟังด้วยเหตุนั้น ก็เลยเข้าซักถามกับผู้เป็นพ่อถึงประเด็นนี้ ว่ามีเหตุอันใดก็เลยไม่ชวนพระสวามีของตนเองให้ร่วมพิธีการการเซ่นสรวงบูชา ข้างผู้เป็นบิดาแรกๆก็เอ๋ยถึงความประพฤติปฏิบัติ การแต่งกายของพระมุนีโลกว่าไม่เหมาะสมและก็พูดจาดูถูกดูแคลน ดูถูกเหยียดหยามพระมุนีโลกในทางที่เสียหาย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวได้ปฏิบัติต่อหน้าต่อตาราชลูกเขยองค์อื่นๆที่มาร่วมในงานนี้ แต่ว่าพระนางสตีก็ขอร้องต่อพ่อ ให้พระสวามีของตัวเองได้ร่วมในพิธีการนี้ กระทั่งพระความถนัดประชากรบดีกำเนิดความเบื่อหน่ายเป็นยิ่งนัก ก็เลยกล่าวคำพูดด้วยเสียงอันดัง ต่อหน้าต่อตาผู้เข้ามาร่วมในพิธีการด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ไม่ชอบต่อพระมุนีโลกยิ่งนัก กระทั่งสุดท้ายพระนางสตีผู้มีความซื่อสัตย์ต่อสวามีของตัวเอง สุดที่จะทนถัดไปได้ ในถ้อยคำที่ฟังจากพระพ่อตัวเองที่กล่าวประจานพระมุนีต่อหน้าต่อตาคนอื่น
    พระนางสตีก็เลยวินิจฉัยใจแสดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ส่องแสงเปลวอันรุนแรงจากข้างในกาย จนกระทั่งเผาตัวเองมอดไหม้ต่อหน้าต่อตาพระพ่อรวมทั้งผู้ร่วมพิธีการ กระทั่งสิ้นใจท้ายที่สุด (บางตำรากล่าวไว้ว่าพระนางสตีกระโจนเข้ากองไฟในพิธีการ)slot
    ข้างพระศิวะในภาคพระมุนีโลก เมื่อได้ฟังคำเล่าบอกจาก พระฤษีทุ่งนารท (ฤาษีท้องนารอด) ในเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่กับพระมเหสีของท่านทรงเศร้าเสียใจเป็นที่สุด จากความเศร้าใจที่ทรงมีอยู่นั้น ก็เลยทรงดึงเส้นผมออกมาปอยหนึ่ง ก็เกิดขึ้นเป็นอสุรีร่างกายใหญ่มหึมา มีฤทธิ์บารมีล้นหลาม มีพันเศียร พันมือ สวมลูกประคำหัวกระโหลกรวมทั้งงู นามว่า ยักษ์วีรดี บางหนังสือกล่าววาอสุรีวีรประเสริฐนี้แยกส่วนโดยออกมาจากพระปากของพระศิวะ

เทพีทุรคา (ทุรกาเทวี) เทพีแห่งพละกำลังและการสู้รบ

พระแม่ทุรติดอยู่ หรือ พระแม่ทุรกา

jumbo jili
เป็นอีกปางหนึ่งของ พระแม่อุมาเทวี ที่อวตารมาปราบอสุรีชื่อ มหิษาสูร ถือได้ว่าเป็นปางที่สำคัญรวมทั้งยิ่งใหญ่มากพอๆกับปาง พระแม่กาลี มีความอาจหาญ เข้มแข็ง มีพลังมากมาย แต่ว่าไม่ดุร้ายน่าสะพรึงกลัวพอๆกับปางพระแม่กาลี เมื่อบูชาพระแม่ทุรติดอยู่อย่างสม่ำเสมอ ท่านจะประทานพรด้านความอาจหาญ ชนะศัตรูรอบทิศ การมีบริวาร มีความเที่ยงธรรม ตลอดจนการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

สล็อต
แนวทางแยกไม่เหมือนกันระหว่าง พระแม่อุมา กับ พระแม่ทุรค้าง
พระแม่อุมาเทวี กับ พระแม่ทุรค้างเทวี มีลักษณะเค้าหน้าคล้ายกัน ทำให้มีผู้งงมาก รู้ผิด หรือดูสลับกันบ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานภาพลายเส้น วัตถุบูชาของประเทศอินเดีย ชอบมีการวาดให้คล้ายกัน ก็เลยขอเสนอแนะข้อคิดเห็นพื้นฐานกล้วยๆดังต่อไปนี้

  • พระแม่อุมา รูปภาพจำนวนมากจะวาดให้ทรงยานพาหนะ เสือ (ส่วนน้อยจะเป็นสิงโต)
  • พระแม่ทุรค้าง รูปภาพโดยมากจะวาดให้ทรงยานพาหนะ สิงโต (ส่วนน้อยจะทรงยานพาหนะเสือ)สล็อตออนไลน์
    แต่ว่าถ้าเกิดในภาพนั้นมิได้ทรงยานพาหนะอะไรก็ตาม
    ให้พินิจที่ พระแขน-พระมือ (แขนและก็มือ) ที่ทรง ศาสตราวุธ (อาวุธ) ดังต่อไปนี้ jumboslot
  • พระแม่อุมา มักมี 4-8 พระแขน ถ้าหากปรากฎคู่กับพระศิวะไม่ค่อยมีศาสตราวุธใดๆก็ตามจะเป็นลักษณะประทานพรหรืออุ้มพระคเณศแล้วก็พระขันทกุมาร
  • พระแม่ทุรติดอยู่ มักมีมากยิ่งกว่า 8,10,12,16 พระมือขึ้นไป ทรงศาสตราวุธครบถ้วนสมบูรณ์slot
    และก็ชอบมียักษ์ที่ชื่อ มหิษาสูร ที่กำลังถูกพระแม่ทุรค้างใช้ หลาวสามง่าม (อาวุธสามแง่ง) หรือ กระบี่ แทงอยู่ด้วย ช่างวาดเขียนไม่นิยมวาดให้พระทุรค้างปรากฎคู่กับพระศิวะ

พระแม่กาลี (มหากาลีเทวี) เทพีแห่งการทำลายอุปสรรค ขจัดศัตรู

พระแม่กาลี เป็นร่างที่บ่งภาคมาจาก พระอุมาเทวี (พระแม่อุมา) โดยทรงมีเป้าประสงค์เพื่อปราบยักษ์ตนหนึ่ง นามว่า อสุรีป่าเถื่อน

jumbo jili
ที่มาที่ไปมีอยู่ว่า ยักษ์ขาดความกรุณาปรานีนี้แม้ว่าจะถูกฆ่าตายสักจำนวนกี่ครั้งก็ไม่มีทางตาย แล้วที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นอยู่ตลอดไปไม่หมดไป ความที่รู้สึกว่ามีอำนาจศักดิ์สิทธิ์มากมายก่ายกอง ฆ่าไม่ตาย ก็เลยทำให้อสุรีไร้มนุษยธรรมกำเนิดฮึกเหิมในความเก่งกล้าของตัวเอง ก็เลยนำอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถมาใช้ในลัษณะของการแกล้ง ทำร้ายผู้คน ทวยเทพเทวดาทั่วๆไป ในที่สุดก็คิดจะครอยครอบครองโลกอีกทั้งสาม เมื่อเป็นดังต่อไปนี้แล้วเหล่าเทวดา นางอัปสร ผู้ทรงศีลทั้งหมด ก็เลยจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อหาทางปราบอสุรีตนนี้ เหล่าเทวดาทั้งหลายแหล่ เมื่อได้ฟังคุณประโยชน์ของยักษ์ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าสมัครใจออกไปรบเลย

สล็อต
กระทั่งสุดท้าย องค์พระศรีมหาอุมาเทวี เทวดาสตรีที่สรวงสวรรค์ ได้มีความมั่นหมายที่จะออกปราบศัตรูร้าย ซึ่งท่านได้ขอพรขอต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อได้รับความมีชัยในคราวนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบศัตรูร้ายได้ โดยได้ทำพิธีการในสวนพรมแดนป่าหิมพานต์ โดยพระศรีมหาอุมาเทวีได้ทรงมอบหมายให้องค์ขันทกุมาร (หรือ พระสกันทะ ซึ่งเป็นลูกชายอีกองค์หนึ่งของพระศิวะรวมทั้งพระแม่อุมาเทวี) รับหน้าที่ดูแลไม่ให้คนใดกันย่างกรายเข้าไปในพิธีการได้โดยเด็ดขาด

สล็อตออนไลน์
เพื่อเสร็จพิธีการแล้วพระแม่กาลีก็เลยรีบเสด็จออกมาจากสวน เพื่อตามล่าฆ่ายักษ์โหดร้าย ซึ่งไม่นานพระแม่กาลีก็ได้ประจันหน้ากับอสุรีทารุณไร้มนุษยธรรม รวมทั้งด้วยฤทธิ์อำนาจของทั้งยัง 2 ข้าง การต่อสู้ที่ช้านานก็เลยเกิดขึ้น
จังหวะที่พระแม่กาลีทรงใช้กระบี่ฟันคอยักษ์ขาด เลือดของอสุรีก็หยดลงพื้น อสุรีเยอะมากๆก็เลยผุดขึ้นมาจากหยดเลือดพวกนั้น ยักษ์ที่เพิ่มทวีขึ้นเรื่อยตามหยดเลือดของอสุรีโหดร้าย พระแม่กาลีมองเห็นด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยมีความคิดว่าอาจไม่มีทางฆ่ายักษ์ตนนี้ให้ตายได้แน่ๆ
พระแม่กาลีก็เลยคิดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาชัยชนะในคราวนี้ให้ได้ โดยการตัดศีรษะของยักษ์พร้อมด้วยดูดรับประทานเลือดยักษ์ก่อนที่จะเลือดจะตกลงพื้น เมื่อรับประทานจนกระทั่งหมดไปแล้ว รูปกายของพระแม่กาลีก็เลยอ้วนใหญ่ ในมือนั้นถือหัวของอสุรีที่ตัดร้อยเป็นพวงไว้ ยักษ์ทารุณไร้มนุษยธรรมก็เลยหมดฤทธิ์ลงด้วยเหตุฉะนี้

jumboslot
ด้วยความดีความชอบใจที่ทรงได้รับชัยในคราวนี้ พระแม่กาลีก็เลยเต้นระบำอย่างสบายดวงใจที่สุด กระทั่งลืมท่าน ทรงชูพระบาทขึ้นหมายจะกระทืบลงพื้นโลกอย่างสุดแรงเกิด!!

slot
เลวช่วงเวลานี้ เหล่าเทวดาทั้งหลายแหล่มองเห็นฉะนั้นก็รู้สึกว่าเมื่อพระแม่กาลีกระทืบพระบาทลงพื้น แผ่นดินอาจแตกสลายสร้างความลำบากจริงแท้แน่นอน ก็เลยรีบพากันเข้าเฝ้าพระศิวะอย่างเร่งด่วน พระศิวะได้ฟังคำจากเหล่าเทวดาก็เลยได้ตะหนักว่า พระแม่กาลีที่มีรูปกายน่าขยะแขยงนั้น โดยความเป็นจริงน่าจะเกรงอกเกรงใจท่านรวมทั้งจำท่านได้บ้าง คิดได้ฉะนั้นก็เลยเสด็จไปอย่างเร็วและก็ไปนอนขวางผืนโลกไว้ พระแม่กาลีก้มตัวมองเห็นพระศิวะนอนขวางอยู่ก็เลยหยุดด้วยความเกรงอกเกรงใจพระสวามี ก็เลยไม่กล้ากระทืบพระบาทลงพื้นดิน แล้วก็หยุดพฤติกรรมนั้นลง เหล่าเทวดาทั้งหลายแหล่ก็เลยหมดกังวล พระแม่กาลีแปลงตัวกลับสู่สถานการณ์ธรรมดา สถานะการณ์ก็เลยจบลงฉะนี้…